ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและทรัพยากรธรรมชาติบนโลกที่กำลังจะหมดไปในอนาคต ถูก Space Sweepers นำมาเป็นแก่นหลักของเรื่องราว จะเป็นอย่างไรหากในปี 2092 โลกเต็มไปด้วยมลภาวะจนยากจะอยู่อาศัย เทคโนโลยีทันสมัยช่วยให้มนุษย์ย้ายไปอยู่บนวงโคจรได้ แต่เพราะปัญหาชนชั้นจึงทำให้คนเพียงบางกลุ่มได้ใช้ชีวิตสุขสบาย ขณะที่อีกหลายพันล้านถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง
Space Sweepers (เกาหลี: 승리호 | ไทย: ชนชั้นขยะปฎิวัติจักรวาล) ภาพยนตร์แนว Action Sci-fi เรื่องแรกของเกาหลี กับเรื่องราวในปี 2092 ที่โลกไม่อาจอยู่อาศัยได้อีกต่อไปจากมลภาวะที่ไร้ทางแก้ไข บริษัท UTS corporation โดยการนำของ 'เจมส์ ซัลลิแวน' จึงได้สร้างบ้านหลังใหม่ของมนุษย์ขึ้นมาที่มีชื่อว่า UTS เทคโนโลยีอวกาศบนวงโคจรจำลองโลกใหม่ราวกับสรวงสวรรค์ที่มนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสุขสบาย ทว่าการจะได้ขึ้นไปใช้ชีวิตบน UTS นั้น กลับมีประชากรโลกเพียง 5% เท่านั้นที่จะได้สิทธิ์นั้น
และเพราะการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ไม่ว่าจะเกิดในที่แห่งใด
ย่อมเกิดการละทิ้งทรัพยากรที่ไม่จำเป็นหรือด้อยประสิทธิภาพอยู่เสมอ
ขยะอวกาศที่เริ่มมีมากขึ้น ก่อให้เกิดอาชีพใหม่อย่าง 'ภารโรงอวกาศ'
เหล่ามนุษย์ผู้ไม่ได้สิทธิ์เข้าพักในแดนสวรรค์ UTS
ขับยานล่าเศษซากชิ้นส่วนที่ลอยบนสภาวะไร้น้ำหนัก
ก่อนจะนำไปขายเพื่อแลกเงินน้อยนิดในการประทังชีวิต และ
The Victory (승리)
คือหนึ่งในยานเก็บขยะที่รวมเหล่าคนสุดโต่งเอาไว้ด้วยกัน
ทว่ากลับเก่งฉกาจจนบรรดาภารโรงอวกาศด้วยกันต้องยำเกรง
แต่แล้วโชคชะตาของเหล่าลูกเรือ The Victory ก็ต้องเปลี่ยนไป
เมื่อพวกเขาดันไปเก็บซากยานที่มี 'กนนิม' หรือ 'โดโรธี'
เด็กสาวผมม้าหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังถูกตามล่าจาก UTS
รอดอย่างปาฏิหาริย์อยู่บนซากยานลำนั้น
เรื่อง Space Sweepers เดิมทีเป็นมันฮวา (การ์ตูนภาพของเกาหลี) ชื่อว่า 승리호 (อ่านว่า: ซึงรีโฮ) ที่เผยแพร่บน Webtoon และทาง Kakaopage มาก่อน มียอดติดตามสูงเป็นอันดับต้นๆ และมีเสียงชื่นชมจากผู้อ่านบนเว็บว่าเป็นหนึ่งในมันฮวาที่ลายเส้นสวย เนื้อเรื่องแปลกใหม่เข้มข้น ผสานเข้าด้วยกันเป็นส่วนผสมที่ยอดยอดเยี่ยม ทำให้ 승리호 มียอดคะแนนบนเว็บไซต์สูงถึง 9.7/10
ผลงานเรื่องนี้กำกับโดย โจซึงฮี (조성희)
ผู้กำกับที่เคยถูกชื่นชมผลงานในระดับโลกมาก่อนกับเรื่อง A Werewolf Boy
(2012) และเขาก็ยังเลือกนักแสดงที่เคยร่วมงานกันในครั้งนั้นอย่าง
ซงจุงกิ (송중기) มาร่วมรับบทนำในครั้งนี้ พร้อมกับทัพนักแสดงระดับ A List
เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นแรกเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด
แนะนำตัวละคร
คิมแทโฮ (김태호) รับบทโดย ซงจุงกิ (송중기)
อดีตผู้บัญชาการทหาร UTS Genius รุ่นแรก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องกลายมาเป็นภารโรงอวกาศยากจน ประจำยาน The Victory ในฐานะพลขับ ใช้ชีวิตอยู่เพื่อเก็บซากขยะขายเลี้ยงปากท้อง และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม
กัปตันจาง รับบทโดย คิมแทรี (김태리)
กัปตันสาวสุดคูลของ The Victory ที่มักจะดื่มเหล้าให้เห็นอยู่เป็นประจำ แม่นปืนอย่างไม่เป็นสองรองใคร ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์อันเฉยชา เธอคือหนึ่งในอดีต UTS Genius ที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นวิศวกร และเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ของตัวเองด้วยเป็นสลัดอวกาศ ก่อนจะละทิ้งทุกอย่างมาเป็นกัปตันประจำยานเก็บขยะลำนี้
ไทเกอร์ พัค รับบทโดย ชินซอนกยู (진선규)
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำประจำยาน The Victory
ผู้เป็นพละกำลังและหน่วยเติมเชื้อเพลิงประจำยานลำนี้
ภาพลักษณ์น่าเกรงขามของอดีตเจ้าพ่อค้ายาเสพติด
ดันสวนทางกับความนุ่มนิ่มที่ตัวคุณพัคมี
หุ่นยนต์ บั๊บส์ รับบทโดย ยูแฮจิน (유해진)
หุ่นยนต์ทหารจอมแสบของยาน The Victory ที่ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำจนมีความรู้คิด
ฝันว่าจะเก็บเงินเพื่อปลูกถ่ายผิวหนังและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองให้สวยงามเหมือนกับมนุษย์สักวัน
โดโรธี หรือ กนนิม รับบทโดย พัคเยริน (박예린)
หนูน้อยผู้ถูกค้นพบบนซากยานอวกาศที่เหล่าลูกเรือ The Victory เก็บกู้มา
จากข้อมูลของ UTS เธอเป็นหุ่นยนต์แอนดรอยนาโนบอตแสนอันตราย
หายนะเดินได้ที่ต้องรีบส่งตัวให้กับทางการเพื่อทำลายทิ้งโดยเร็ว
เจมส์ ซัลลิแวน รับบทโดย ริชาร์ด อาร์มิเทจ (Richard Armitage)
ผู้ก่อตั้ง UTS corporation ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นดั่งฮีโร่ของชาวโลก
ผู้มีอายุมากกว่า 152 ปี สร้างธรรมชาติขึ้นมาใหม่จากวิทยาศาสตร์
และหมายมั่นว่าจะทำให้ดาวอังคารอันแห้งแล้ง
แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวที่ชาวโลกจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แม้จะเป็นก้าวแรกของการทำหนังแนว Action Sci-fi
ของวงการภาพยนตร์เกาหลีและแอบถูกปรามาสเอาไว้ก่อนเข้าฉายว่าดูคลับคล้ายคลับคลากับหนัง
Blockbuster สุดเกรียนจาก Marvel แบบ Guardians of the Galaxy
ทว่าเมื่อเราได้รับชม Space Sweepers จนจบเรื่องแล้ว
หนังเรื่องนี้ไม่มีส่วนไหนที่ลอกเลียนแบบหนังเรื่องอื่นอย่างที่เคยถูกสบประมาทเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
ประเด็นร้อนอย่างเรื่องทรัพยากรธรรมชาติของโลกที่กำลังหมดไป
รวมถึงผลกระทบของสภาวะโลกร้อน (Global Warming)
ที่ทั่วทั้งโลกกำลังตระหนักถึงถูกนำมาสอดประสานเข้ากับเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างลงตัวจนเป็นแกนเรื่องหลักที่แข็งแรงและมีน้ำหนักมากเสียจนเราเองอดคิดตามไม่ได้
ว่าบางทีในปี 2092
ทั้งสองปัญหานี้อาจจะกลายเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่สายเกินเยียวยาเหมือนในเรื่องนี้
การเสียดสีสังคมผ่านโลกอนาคตถูกทำออกมาอย่างแยบคายในทุกฉากของเรื่อง
จุดรายละเอียดเล็กๆที่เราอาจจะไม่ได้สนใจถูกหยิบนำมาพูดถึงและกลายเป็นหมัดฮุกที่เราเองก็ร่วมยินดีไปด้วย
ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าทุนนิยมอันโหดร้ายของเรื่อง
สร้างเงื่อนไขให้กับชนชั้นล่างไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้เลย
แม้จะพยายามหรือขยันขันแข็งมากเพียงใด
แต่การกระโดดข้ามเพื่อไปมีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นเรื่องที่สิ้นหวังเสียจนอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงชีวิตนี้
ส่วนที่หินที่สุดของงานแนว Sci-fi สำหรับเราผู้เขียนไม่ใช่งาน CGI
หรือโปรดักชั่นเว่อร์วัง
แต่คือจะทำยังไงให้สามารถพาผู้ชมเข้าไปในโลกของวิทยาศาสตร์ได้โดยที่ไม่งงไปซะก่อน
สำหรับ Space Sweepers
ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดที่ว่าเปลี่ยนของกินยากให้กลายเป็นมาชเมลโล่นุ่มเคี้ยวง่าย
ไม่มีการนำตัวละครมาพูดบทอธิบายหลักการมากมายจนเรามึนงง
แต่ใช้การปูเรื่องราวผ่านภาพที่ทำให้เราผู้ชมได้เห็นไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภาพยนตร์ชุดนี้บ้าง
การร้อยเรียงเรื่องราวถูกวางมาอย่างเป็นระเบียบ ค่อยๆ
ป้อนข้อมูลให้กับผู้ชมทีละนิด
ขณะเดียวกันก็ยังคงดำเนินตามเส้นทางที่ต้องไปได้อย่างที่ควรเป็น
ทางด้านตัวละครเองก็ออกมาลงตัวเช่นกัน อาจเป็นเพราะเรื่องนี้เป็นมันฮวามากก่อน
การดีไซน์คาแรคเตอร์ตัวละครจึงต้องทำให้แข็งแรง
มีความแตกต่างชนิดที่ว่าผู้อ่านจะต้องจดจำได้ทันทีที่เห็นมาตั้งแต่ต้น
ฉะนั้นพอนำมาต่อยอดเป็นภาพยนตร์ ในส่วนนี้จึงแทบไม่ต้องจัดการอะไรมากมายเลย
ทว่าทางทีมงานก็มีการเพิ่มความโลภ การหลงผิด
อุดมการณ์และแนวคิดที่บิดเบี้ยวเข้าไปอีก
ตัวละครเลยมีความเป็นมนุษย์มากกว่าเดิม ไม่ได้เป็นคนดีจนแบน
หรือเป็นคนชั่วที่ไร้เหตุผล
เคมีของนักแสดงเองก็มีเสน่ห์มากๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหนูน้อยกนนิมกับคังแทโฮที่รับบทโดยซงจุงกิ
เวลาอยู่ด้วยกันน่ารักมากกก อันที่จริงต้องพูดว่า
ยัยน้องกนนิมมีเสน่ห์มากถึงจะถูก อยู่กับใครในเรื่องก็ดี
เพราะทุกฉากที่น้องออกมา
มีแต่ความน่าเอ็นดูฟุ้งเต็มไปหมดจนทำให้เราเองก็อยากเอาใจช่วยให้เด็กคนนี้ปลอดภัย
ได้กินข้าวเต็มอิ่ม ได้มีรอยยิ้มสดใสต่อไป
และถึงตัวละครหลักจะเป็นชาวเกาหลีแสดงนำ
แต่นักแสดงท่านอื่นๆที่เข้ามามีบทบาทภายในเรื่องก็มีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมแสดงด้วย
ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ย่อมนำกำแพงทางด้านภาษาตามมา ทว่า
Space Sweepers
ทลายมันลงด้วยเครื่องแปลภาษาของโลกอนาคตภายในเรื่องที่ทำให้เราได้เห็นว่าตัวละครไม่ได้พยายามพูดภาษาใดภาษาหนึ่งเพียงภาษาเดียว
แต่เทคโนโลยีทำให้ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็สามารถเข้าใจกันได้
ผู้ชมอย่างเราเองก็รู้ว่าพวกเขาทุกคนพูดอะไรผ่านทางซับไตเติ้ลที่แปลครบทุกภาษาแม้กระทั่งตัวประกอบที่โผล่มาแค่ซีนเดียว
จนตัวเราเองที่นั่งชมอยู่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนนอก
เหมือนเราอยู่ในโลกใบเดียวกันกับตัวละครที่ผู้คนสามารถสื่อสารในภาษาของตัวเองอย่างเสรี
ส่วนฉากแอคชั่นและ CGI ในเรื่อง เราต้องขอพูดตรงๆ
ว่าตอนแรกมองเรื่องนี้ทะเยอทะยานที่จะทำแบบสุดๆ
ทว่าผลลัพธ์กลับออกมาเนี้ยบกิ้งอย่างน่าชื่นชม
โชว์ความสามารถของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีได้เต็มที่
แม้ว่าดีไซน์เทคโนโลยีอวกาศบางอย่างจะทำให้เรารู้สึกถึงกลิ่นอายของประติมากรรมจากภาพยนตร์ขึ้นหิ้งแบบ
Star Wars ก็ตาม แต่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหาในการลดทอนความสนุกที่มีลงเลย
แสดงความคิดเห็น