Dr. Park's Clinic เรื่องราวการดำเนินกิจการคลินิกส่วนตัวของพัควอนจัง หมออายุรกรรมที่ตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลมาเปิดคลินิกเอง ถูกเล่าออกมาในแบบฉบับของซิทคอม 12 ตอน ที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนเพื่อดำเนินกิจการนี้ รวมไปถึงเรื่องราวรอบข้างทั้งที่บ้านและเหล่าเพื่อนหมอที่คอยแวะเวียนมาโผล่หน้าโผล่ตาในฉากเสมอ
มาดูตัวอย่างกันหน่อยดีกว่าค่ะ
Dr. Park's Clinic เล่าเรื่องของการตั้งไข่เริ่มต้นกิจการคลินิกของพัควอนจัง
หมออายุรกรรมที่ตัดสินใจออกมาเปิดคลิกนิกของตัวเองหลังจากทำงานในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน
ในแง่มุมของการทำธุรกิจบริการ
ปัญหามากมายที่หมอต้องเผชิญในฐานะของผู้ประกอบการ ทั้งเรื่องลูกจ้าง
การทำการตลาด การเงินในคลินิก
และด้วยความเป็นอาชีพที่ได้เงินจากความเจ็บป่วยของผู้คน
เลยจะทำให้เราได้เห็นความอิหลักอิเหลื่อในเรื่องอยู่ตลอด
นอกจากพาร์ททำงานแล้ว
เรื่องก็ยังแวะไปพูดถึงชีวิตส่วนตัวของหมอพัคอย่างภรรยาคุณนายซาโมริม
ภรรยาแสนดีที่สนับสนุนเขามาตลอด และลูกชายวัยเรียนอีกสองคนของเขา
ซึ่งก็สนุก และเรื่องราวมากมายไม่แพ้กับพาร์ทในที่ทำงานเลย
พัควอนจัง
เป็นตัวละครตัวแทนของหมออายุรกรรมแสนธรรมดา ที่มีชีวิตธรรมดา
และอยู่อย่างธรรมดา
คงเพราะเป็นตัวละครหลักตามชื่อเรื่องเราเลยจะได้เห็นมุมที่หลากหลายมากของเขา
ทั้งในฐานะของการเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว ทั้งสามีและพ่อ
รวมถึงภาระของการคำนึงถึงการหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวด้วย
ความเครียดในฐานะหมอที่เครียดจนส่งผลต่อสุขภาพ
(ซึ่งเอาจริงการที่ให้เขาหัวล้าน
หรือในเรื่องเล่นมุกที่เครียดจนผมร่วงแล้วมีปัญหาสุขภาพนี่ก็อาจจะทำให้ชวนคิ้วกระตุกไปบ้าง
คือเราคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ได้
กับการที่เครียดจนผมร่วง หัวล้าน และเรื่องก็เล่าให้เห็นถึงปัญหาของการเป็นคนหัวล้านในเรื่องนี้ การที่ต้องใส่วิกเพื่อบดบังตรงนี้ แต่คิดว่าบางซีนที่ดูจะเมคฟันการใส่วิก
อย่างตอนที่ทุกคนตกใจว่าหมอพัคใส่วิกกลางงานเสวนานี่ก็ชวนคิ้วกระตุกจริง)
จนไปถึงความสัมพันธ์กับครอบครัว เพราะทำงานจนไม่มีเวลา
เส้นทางในการเป็นหมอของเขาถูกเล่าผ่านการแฟลชแบล็ค
ให้เราได้เห็นถึงร่องรอยการเติบโตของเขาอยู่เรื่อย ๆ
และในฐานะผู้ประกอบการผู้ทำกิจการบริการที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ
ตั้งแต่เรื่องเงิน ไปจนถึงปัญหาจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ในออฟฟิศ
เราชอบมากที่ได้เห็นหลายมุมขนาดนี้
และเขายังพูดถึงแต่ละส่วนอย่างดีมากด้วยในหลาย ๆ แง่เลย
เป็นตัวละครที่ถูกใส่ใจในการสร้างมาอย่างดีเลย
แม้ว่าหน้าหนังจะดูเป็นเพียงซิทคอมเกรียนแตก
และสำหรับเรารู้สึกว่าในแง่ของการเป็นซิทคอมตอนละ 30-40 นาที
เขาใช้เวลาในการเล่าตัวพัควอนจังได้คุ้มมาก
สิ่งที่เซอร์ไพร์สคนดูอย่างเรามาก
คือการที่เห็นพี่ซอจินมารับบทตัวละครพัควอนจัง
รู้สึกเกินคาดมากที่ได้เห็นเขามาเล่นซิทคอมเกรียนแตกขนาดนี้
แล้วก็ชอบมากที่เขาถ่ายทอดความเป็นคุณหมอที่แสนจะธรรมดาออกมาได้โคตรธรรมดาเลย
พี่ซอจินเขาเล่นละเอียดมาก ในฉากฮา ๆ ไรงี้ก็ดีมากแล้ว
แต่ในจุดที่เป็นอารมณ์ Intense ก็ไปได้สุดมาก
แล้วพี่เขาทำให้ตัวละครพัควอนจังออกมาโคตรน่าเอ็นดู แบบชอบมากเลย
"คลินิกก็เป็นธุรกิจบริการเช่นกัน"
เป็นสิ่งที่เราว่าเป็นเนื้อหาหลักของ
Dr. Park's Clinic
ในซีรีส์เกาหลีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับหมอมักจะเล่าหมอออกมาในรูปแบบของการพยายามช่วยเหลือคน
ชีวิตที่มีพันธกิจต่อสังคม มีความผูกพันกับงานในโรงพยาบาล
ไม่ค่อยได้พูดถึงหมอที่เป็นเพียงคนธรรมดาคนนึง มีชีวิตส่วนตัวเท่าไหร่นัก
และคิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องแรก ๆ (ถ้าไม่แรกก็ขอโทษด้วยค่ะ)
ที่พูดถึงชีวิตของหมอธรรมดา ๆ
มาเปิดคลินิกเพราะไม่อยากทำงานโรงพยาบาลแล้วในรูปแบบของซิทคอมอย่างนี้
เรื่องเริ่มเล่าจากพาร์ทการเริ่มต้นธุรกิจของหมอพัค
เพราะคิดว่าคุ้มกว่าการทำงานอยู่ในโรงพยาบาล
และเพื่อการมีชีวิตที่กำหนดได้เองของเขา
แต่ทว่าการเปิดคลินิกมันไม่ได้ง่ายและสวยงามเหมือนอย่างที่เขาคิดไว้
เราชอบมากที่ช่วงแรก ๆ นี้ เขาทำฟุตเหมือนจะไปสัมภาษณ์หมอจริง ๆ
ที่ตัดสินใจมาเปิดคลินิก มันมีคำตอบหนึ่งที่เรายังจำได้อยู่เลย
คือรู้สึกว่าลงทุนกับการเป็นหมอไปเยอะมากเลยรู้สึกว่าไม่สามารถออกมาทำอาชีพอื่นได้
ซึ่งนี่แบบโอ้โห้ จริงด้วย การที่กว่าจะเป็นหมอต้องเสียอะไรไปมากมาย
อย่างในเรื่องก็จะถูกเน้นย้ำผ่านการเล่าของหมอพัคตลอดว่าในช่วงชีวิตเขาที่ยังทำงานอยู่โรงพยาบาล คุณซาโมริม
ภรรยาแสนสวย (ที่รับบทโดย คุณรามีรัน) ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว
และยังคอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ
พอเริ่มเปิดกิจการปัญหาต่าง
ๆ ก็ถูกเล่าในแต่ละอีพีอย่างการจ้างงาน
ที่ก็มีคุณแม่หัวใสพาลูกชายเข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยปลอมแปลงประวัติเต็มที่ก็ดี
เรื่องการเงินในออฟฟิศ
ที่หมอออกมาเป็นคลินิกเองก็สวมหมวกผู้ประกอบการอีกใบต้องมานั่งคำนวณถึง
เรารู้สึกว่าพอมันเป็นคลินิกอายุรกรรมที่ต้องรอคนป่วยเข้ามาเพื่อให้ตัวหมอได้เงินเนี่ย
เรื่องการตลาดที่จะทำกับธุรกิจเลยเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาอีก
ซึ่งเรื่องก็เล่าถึงตรงนี้อยู่ตลอด
การที่หมอพัคต้องรู้สึกอิหลักอิเหลื่อระหว่างการเรียกคนไข้กับลูกค้า
หรือการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ร่วมถึงการหาทำอย่างอื่นเสริม
เช่นการทำเลเซอร์เพื่อประคับประคองกิจการนี้ให้อยู่รอด
เรื่องความเป็นหมอที่พูดถึงในเรื่องก็น่าสนใจนะ
เขาเล่ามิตรภาพความเป็นหมอผ่านจังหวะซิทคอม
เพื่อนหมอรุ่นเดียวกันที่บ้านแม่งรวยชิบหายเปิดคลินิกเสริมความงามแปดชั้นใจกลางเมือง
หรือพวกหมอรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์เปิดคลินิกมาก่อน รอดูเขาเจ๊ง 55555
หมอชื่อดังตามทีวีที่พวกการขายยา ทำนู้นนี่เต็มไปหมด
แม้แต่เมียที่บ้านก็เชื่ออิกหมอนี่มากว่าผัวที่บ้าน แต่ที่ชอบมากคือเรื่องเล่าให้เห็นความเป็นหมอผ่านอดีตที่ดูเป็นยาขมแต่ส่งกลิ่นอันหอมหวานชวนให้หวนนึกถึงเป็นบางครา
คนไข้ที่เคยผ่านมือมาแล้วจากไป หรือจะเป็นการโดนรุ่นพี่แดกหัวในการทำงาน
ก็จะได้เห็นผ่านร่องรอยความทรงจำของเขาอยู่เรื่อย ๆ
เลยชอบมากที่เขาถ่วงความเป็นหมอของหมอพัคไว้ด้วยอย่างนี้
หรือจะเป็นการที่ทำให้หมอเป็นเพียงอาชีพอีกอาชีพนึง
ๆ ไม่รู้ว่าเพราะเราอยู่ในไทยหรือเปล่า
เลยรู้สึกว่าสังคมมองอาชีพนี้เป็นเทวดาผุ้มาโปรดในระดับนึง 5555555
นี่ชอบมากที่เขาเล่าเรื่องหมอทรวงอกที่ทำงานในโรงพยาบาลแต่มันไม่พอเลี้ยงชีพคนในบ้านจนตัวเขาต้องออกมารับจ๊อบขับรถหาเงินเพิ่ม
หรือการที่หมอทำงานอย่างหนักมาก
เปิดคลินิกตลอดทั้งวันทั้งคืนทำงานจนเสียชีวิตไรงี้ รู้สึกว่าเขาพูดถึงหมอที่เป็นเพียงคนทำงานในอีกอาชีพดีมาก แบบตามปกติซีรีส์เกาหลีก็ดูจะผูกหมอไว้กับพันธกิจสังคม
การทำงานรักษาชีวิตคนไว้เยอะมาก
พอได้เห็นหมอที่เป็นเพียงคนที่ประกอบอาชีพหมอแบบนี้ก็เลยชอบมาก
นอกจากพาร์ทคลินิกแล้ว
เรื่องก็ยังทำพาร์ทรอบครัวออกมาได้ดีมาเลย
เรื่องที่เราตกใจสุดที่เขาพูดถึงคือเรื่องการวางแผนครอบครัว รู้สึกอึ้งมาก
ในวัยเท่านี้ที่จะมีลูกก็ยังต้องวางแผน เป็นอีพีที่ดีมาก
เขาพูดถึงการที่ภรรยารูสึกว้าเหว่กับการที่บ้านมีแต่ผู้ชาย
เลยอยากมีลูกสาวอีกคน แต่สามีก็รู้สึกว่าการมีลูกอีกคน
เขาไม่สามารถหาเลี้ยงได้ไหวในโลกทุนนิยมที่ต้องขับเคลื่อนด้วยเงินแบบนี้
แต่ก็ไม่อยากจะขัดศรัทธา และยังพูดไปถึงลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้อยากจะมีน้อง
เพราะกลัวจะถูกแย่งความรักไปด้วย นี่เลยแบบโห้ ในหนึ่งอีพีที่มีแค่ 30 นาที
เขาพูดเรื่องราวเยอะขนาดนี้ได้ไง
ทีแรกแอบกังวล
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะสร้างให้ชวนนึกว่าผู้ชายที่เป็นหมันเปลี่ยนรสนิยมทางเพศไป
แต่หักกลับมาว่าที่เราได้เห็นตัวหมอพัคสนใจในกิจกรรมที่ดูจะเป็นของผู้หญิงมากขึ้น
เป็นเพราะเขาอยากทำทุกอย่างเป็นเพื่อนภรรยาที่รู้สึกโดดเดี่ยว
และปิดท้ายตอนด้วยการที่เขารับรู้ว่าภรรยาพยายามแค่ไหนในการจะมีลูกสาวคนที่สาม เลยพยายามจะเป็นลูกสาวให้ เลยแบบโอ้ เกินคาดมาก
พาร์ทท้าย
ๆ ของเรื่องที่พูดถึงเรื่องความฝันและอาชีพนี่ดีมากเลย
เขาพูดถึงความฝันของเด็ก ๆ ที่เป็นลูก
ล้อไปกับการที่หมอพัคอยากเป็นนักวาดการ์ตูน
พาร์ทการตามหาความฝันของลูกชายคนโตที่ดูไม่มีอะไรที่ทำได้และอยากทำเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการงัดข้อ
กับการที่พ่อแม่เป็นกำลังใจให้ลูกลองตามหาทางที่ตัวเองจะเดินดูได้
ทั้งการที่ลูกคนเล็กลองเป็นยูทูปเบอร์
หรือการที่คนโตตัดสินใจจะไปลองลงงัดข้อ รวมไปถึงปลอบประโลมคนดูอย่างเราผ่านการให้ผู้ใหญ่อย่างหมอพัคโดยการให้โอกาสเขาได้เขียนการ์ตูนที่เป็นความฝันวัยเด็กของเขามาตลอด
ราวกับว่าอายุไม่ได้สำคัญ
เราสามารถเริ่มต้นทำตามความฝันใหม่ได้เสมอตราบใดที่ยังมีแรง
แล้วเรื่องราวสามัญธรรมดาในสังคมก็ยังถูกเล่าผ่านสถานการณ์ต่าง
ๆ ที่หมอพัคได้พบเจออีกด้วย คิดว่าคนดูน่าจะรีเลทไปกันไม่มากก็น้อย
เราว่าเขาเลือกหยิบสิ่งมาใส่เป็นแก๊กอะไรแบบนี้ได้ฉลาดมากเลย
อย่างการที่คนโดนหลอกเรื่องการลงทุนงี้ การซื้อขายของมือสองก็ดี
พวกนักเลงคีย์บอร์ด หรือพวกที่ชอบมาหลอกขายหมอ สถานการณ์ต่าง ๆ
ที่ใส่เข้ามาทำเราต้องตบเข่าฉาด เพราะเราก็เคยเจอแม้จะไม่ได้เป็นหมอก็ตาม
การที่เรื่องถูกเขียนด้วยคุณหมอจริง
ๆ เลยเอาปัญหาที่เขาได้เจอจริง ๆ มาเล่า นี่น่าจะเป็นข้อดีที่สุดเลย
ประกอบกับการเล่าเรื่องให้ออกมาสไตล์ซิทคอมเลยทำให้ Dr. Park's Clinic
มีเสน่ห์มาก การเล่าชีวิตของหมอที่ไม่ได้เป็นเพียงหมอออกมาในรูปแบบของ Daily Life ขายฮา เกรียนแตก
แต่ยังไม่ลืมการเป็นอาชีพหมอที่ต้องพบเจอกับความเจ็บป่วยของผู้คน
เลยเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยหลากอารมณ์มาก คุณสามารถหัวเราะในสองนาทีและน้ำตาซึมในสองนาทีถัดมาก่อนจะหักมุมอีกรอบนึงได้
เรียกได้ว่าแค่ตอนนึงอารมณ์ก็สวิงไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
และการที่ผู้กำกับทำงานโฆษณามาก่อนเลยมีกลิ่นความเป็นงานโฆษณาสูงมาก
สามารถจบทุกอย่างในหนึ่งตอน 30-40 นาทีได้
โดยใส่หลายมู้ดให้คนดูได้ร่วมรู้สึกไปด้วย
หวังว่าจะได้เห็นงานถัดไปเรื่องของเขา
เพราะแค่เรื่องแรกนี้ก็ทำเอาประทับใจมากจริง ๆ
สุดท้ายแล้วคิดว่าเรื่องก็คงแค่อยากจะเล่าเรื่องราวธรรมดาของหมอคนนึงให้เราได้รับรู้ว่าหมอก็เป็นเพียงหมอ อีกอาชีพที่ต้องทำมาหากิน ใช้ชีวิต
เป็นคนธรรมดาในสังคม เจอปัญหาที่ไม่ต่างกับเรา เรื่องมันเลยรีเลทกับเรามาก ๆ
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องราวของหมอ อาชีพที่ดูจะมีพันธกิจต่อสังคม
มีหน้ามีตาในสังคม
แต่เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีปัญหามากมายเหมือนกับเราเหมือนกัน
หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่ไปดูยิ้มได้เหมือนกับเรา
เก็บไว้ดูในวันที่เครียด ๆ ให้หัวโล่ง
และร่วมเฮฮาไปกับชาวคลินิกที่จะรอทุกคนอยู่ใน Bilibili 12 ตอนค่ะ
----------------------------------------------------
ไม่ได้เขียนนานมาก
แบบนานมากกกกก เพราะช่วงที่หายไปเราไปดูหนังดูละครเยอะมากจนไม่ได้เขียนเลย แบบว่าการเขียนต้องใช้เวลาอะนะ ก็ยังดีใจมากที่ยังมีคนอ่านต่อ และอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าอะไรที่เขียนผิดไป
หรือเขียนวนหาสาระไม่ได้ ก็ต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ
ที่อ่านที่เราเขียนมาตลอดเลย
ปล.
อาจจะมีบางอย่างที่คนเห็นว่าเป็นปัญหาแต่เราไม่ได้เขียนถึงไรงี้ก็คุยกันได้นะคะ
บางทีอาจจะเป็นเราที่ปล่อยสมองไหลไปก็เป็นได้ 555
ด้วยความเป็นซิทคอมขายขำมันก็อาจจะมีบางมุกที่ไปกระตุกคิ้วคนดูได้เหมือนกัน
คิดเห็นยังไงก็ทิ้งข้อความไว้พูดคุยกันได้เลยนะคะ
ปลล. ซิทคอมมันขายของเก่งมาก มันขายกันตรง ๆ เลยคะ 55555555555
แสดงความคิดเห็น