Twenty Five, Twenty One ซีรีส์เกาหลียอดนิยมจากทางสถานีโทรทัศน์ tvN ที่กำลังมาแรงในปี 2022 และได้ฝากความประทับใจไว้ให้แก่ผู้ชมอย่างล้นหลามโดย คิมแทรี สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในบทบาท นาฮีโด จากเวที 58th Baeksang Arts Awards หนึ่งในรางวัลศิลปะที่ทรงคุณค่ามากที่สุดในเกาหลีใต้อีกด้วย
*อาจมีเนื้อหาสปอยล์นะคะ*
โดยจะเล่าถึงมิตรภาพในปี 1998 ของ นาฮีโด(คิมแทรี) นักเรียนมัธยมปลายที่มีศรัทธาแรงกล้าในการที่จะเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติ
และได้มาเจอกับ แพคอีจิน(นัมจูฮยอก) พนักงานร้านหนังสือที่มีความหลังเรื่องครอบครัวไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ
ทำให้ตนเองต้องเป็นที่พึ่งเดียวของครอบครัว
จนได้จับพลัดจับผลูมาเป็นนักข่าว และเป็นพี่น้องที่สนิทกับ โกยูริม(โบนา) นักกีฬาฟันดาบทีมชาติเกาหลีใต้ที่มีปัญหาด้านสถานะทางครอบครัวเช่นเดียวกัน
ส่วน จีซึงวาน(อีจูมยอง) เพื่อนร่วมห้องของนาฮีโด โกยูริม และมุนจีอุง
เป็นหัวหน้าห้องที่เรียนเก่งและเพียบพร้อม อยู่ชมรมกระจายเสียงของโรงเรียน
ซึ่งเป็นคู่หูกับ มุนจีอุง(ชเวฮยอนอุค) ชายหนุ่มที่ได้ฉายาว่า เจ้าน่ารักห้องเจ็ด เป็นคนอารมณ์ดี ใช้ชีวิตอิสระ มักเพ้อฝันและรักสนุก
ทั้ง 5 คน ล้วนมีความฝันที่ต้องการจะทำมันให้สำเร็จ แต่เพราะว่า IMF หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ‘วิกฤติต้มยำกุ้ง’ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองจึงส่งผลให้ครอบครัวของพวกเขาและประเทศเกาหลีใต้ตกอยู่ในสภาวะขั้นวิกฤติ ทำให้เด็กหลายคนในยุคนั้นต้องถูกพรากความฝันไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ในตอนที่คิดว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พบเจอกับแสงสว่าง นั่นคือช่วงเวลาที่พวกเขาทั้ง 5 คน ได้พูดคุย ปรับความเข้าใจ และพบเจอกับชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นประสบการณ์ให้เราค่อย ๆ เติบโตและเข้าใจมัน
“ทุกความฝันมักจะต้องพยายามอย่างหนัก”
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่านาฮีโดก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสในการไปสู่ความสำเร็จเพราะแม่ของตัวเองคือจุดเริ่มต้น
แต่ทั้งนาฮีโดและโกยูริมส่วนหนึ่งก็ล้วนพิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถ
การฝึกฝนและการพยายามอย่างหนักที่แสดงถึงแพชชั่นอย่างจริงจัง
ไม่ได้กลัวแม้คู่แข่งจะเป็นใครหรือแม้จะแข่งกันเองก็ตาม
สิ่งที่ประทับใจในสองคาแรคเตอร์นี้คือการแข่งขันที่ค่อย ๆ
เรียนรู้จากความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้ามเพื่อพลิกให้เป็นโอกาสจู่โจมของตน
ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นคำสอนจากโค้ชชานมีนั่นแหละ การแสดงความสามารถให้หลาย ๆ
คนได้ว่าตัวเองเหมาะสมกับความสำเร็จจริง ๆ
ไม่ใช่แค่การตัดสินเพียงปัจจัยภายนอก
เพราะเมื่อประสบความสำเร็จแล้วชีวิตอาจไม่ได้สบายอย่างที่คิด เด็กอายุ 18 ปี
ทั้งสองคนกลับต้องกลายเป็นเป้าสายตาให้ผู้ใหญ่และสังคมตั้งความคาดหวังเสมอ
เมื่อผิดหวังคนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะใช้คำพูดที่สร้างบาดแผลในใจโดยที่ไม่คำนึงว่า
ฮีโดและยูริมก็เป็นเพียงแค่เด็กมัธยมคนนึงเหมือนกัน
โชคดีที่ทั้งคู่ยังมีเพื่อน ๆ คอยให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ
ดั่งที่นาฮีโดเคยบอกไว้ว่า ‘ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตัวของฉันเอง เพราะความพยายามของฉัน
มีแค่ฉันที่รู้เท่านั้น’
“เพื่อนที่ต่างนิสัย แต่มีความใฝ่ฝันเช่นเดียวกัน”
นาฮีโด แพคอีจิน โกยูริม จีซึงวาน มุนจีอุง
แม้ทุกคนจะมาจากต่างสังคมและนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จริง ๆ
ส่วนใหญ่เพื่อนสนิทมักจะมาจากคนที่เราไม่ค่อยชอบหน้ากันตั้งแต่แรก ๆ นี่แหละค่ะ
แต่ก็ไม่รู้ลมอะไรพัดมาให้เราและเขาคนนั้นเป็นเพื่อนที่เข้าใจตัวเราที่สุด
แต่เชื่อว่ามิตรภาพกลุ่มกลุ่มนึงล้วนจะต้องมีสิ่งที่ดึงดูดเข้าหากันได้อยู่แล้ว
สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความฝัน อาจจะวางแผนไม่เหมือนกัน
หรือความฝันไม่แน่นอน แต่ทุกคนไม่เคยกดดันหรือพูดตัดโอกาสกันและกัน
สิ่งที่ทำได้ในฐานะเพื่อนสนิทก็คือการคอยสนับสนุนและอยู่ข้างๆกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสูงสุดของชีวิต
การเข้ามหาลัยช้ากว่าเพื่อนของจีซึงวานไม่ใช่เรื่องผิด
การเสียสละของโกยูริมก็ไม่ได้หมายถึงการขายชาติ
การสละตำแหน่งทีมชาติของนาฮีโดก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่แต่ละคนเลือกเส้นทางของตัวเอง
“รักครั้งแรกอาจไม่ใช่รักนิรันดร์”
เนื่องด้วยชื่อของซีรีส์ที่ดันเชื่อมโยงกับเพลงของวง
Jaurim ทำให้ผู้ชมหลาย ๆ
คนต่างวิเคราะห์กันอย่างมากมายว่าตอนจบนาฮีโดและแพคอีจินจะได้สมหวังกันหรือไม่
แต่คนเขียนบทกลับเขียนออกมาให้แสดงถึงความเป็นจริงที่สุด
ทำให้ผู้ชมสามารถคิดตามว่าเรื่องเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แพคอีจินก็เป็นรักแรกของนาฮีโด
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือการสนับสนุนซึ่งกันและกัน
นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้จึงเกิดเป็นความรู้สึกดีและได้สานสัมพันธ์กันจนกลายเป็นคนรัก
จนอาจจะทำให้อีจินนั้นลืมไปว่าตัวเองเคยบอกนาฮีโดไว้ว่า
“เด็กก็ควรคบกับเด็ก ผู้ใหญ่ก็ควรคบกับผู้ใหญ่” แต่เมื่อเราได้รักใครแล้วเขาก็รักเรามาก
คงรักแบบไม่ได้เผื่อใจจนทำให้ลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ในอดีต
อีจินและฮีโดก็เป็นอีกคู่หนึ่งที่โฟกัสกับปัจจุบันจนไม่ได้นึกถึงวันที่ต้องจากลา
เมื่อวันนั้นมาถึงทั้งคู่จึงได้เข้าใจว่าการจากกันไม่ใช่การเลิกราเพื่อหายไปจากชีวิตใคร
แต่เป็นแค่เพียงการให้แต่ละคนได้เดินไปตามเส้นทางของตัวเองที่เคยวาดฝันไว้เมื่อครั้งเป็นวัยเยาว์
การยินดีกับความสำเร็จของใครสักคน
สิ่งนั้นคือความรักที่แท้จริง
Fact เล็กๆ เกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อของซีรีส์เรื่องนี้และในด้านประเด็นความรักของนาฮีโดและแพคอีจิน
ได้แรงบันดาลใจมากจากเพลง
Twenty Five, Twenty One (스물다섯, 스물하나) จากอัลบั้ม
Goodbye, grief ของวง
Jaurim
ที่ปล่อยออกมาให้ฟังตั้งแต่ปี 2013 เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นให้แก่คนรักเก่าของคุณ
คิมยุนอา นักร้องนำของวง ในตอนนั้นคนรักของเธออายุ 25 ปี ส่วนตัวเธออายุเพียง
21 ปี ในช่วงที่กำลังมีช่วงเวลาที่สดใสกับชีวิตคู่
ไม่นานเธอก็ได้ทราบข่าวว่าคนรักของเธอเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันจากการทำงานหนักเกินไป
เพราะผลกระทบจากวิกฤติ IMF เกิดขึ้นเช่นกัน
ความรักที่เธอคิดไว้ว่าจะเป็นรักอันนิรันดร์
กลับกลายเป็นเพียงความทรงจำไปตลอดกาล
Twenty Five, Twenty One - Jaurim เพลงจากปี 2013
ที่กลับมาฮิตอีกครั้งในปี 2022
ใครสนใจอยากดูซีรีส์อบอุ่นหัวใจอย่าง
Twenty Five, Twenty One
สามารถรับชมแบบมีซีชับไทยรวดเดียว 16 ตอนอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง
Netflix เลยค่ะ
เวลาที่เหงาหรืออยากคลายเครียดก็ต้องซีรีส์เรื่องนี้เลย!
สาเหตุที่ไม่ค่อยได้มารีวิว
เพราะนาน ๆ ทีจะได้รีวิวซีรีส์หรือภาพยนตร์สักเรื่องต้องเป็นผลงานที่ถูกใจเราอย่างมากเลยค่ะ
หวังว่าทุกคนจะสนุก เอ็นจอยไม่มากก็น้อยกับสิ่งที่เราได้รีวิวไป
หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
และขอบคุณทุกคำติชมของผู้อ่านทุกคนเสมอมา เราจะคอยหาผลงานดี ๆ
มาแนะนำทุกคนในครั้งหน้านะคะ!
แสดงความคิดเห็น