ภาพสถิติจากเว็บไซต์ KoreaHerald
ซีรีส์เกาหลีที่สะท้อนวงการศึกษาไม่ได้มีเรื่องเดียว:
‘SKY Castle’ หอคอยแห่งความสำเร็จที่พ่อแม่อยากให้ลูกตัวเองไปถึง
‘SKY Castle’ หอคอยแห่งความสำเร็จที่พ่อแม่อยากให้ลูกตัวเองไปถึง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีรีส์เกาหลีใช้เรื่องราวของการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ‘The Penthouse’, ‘High Class’, ‘Black Dog: Being a Teacher’ หรือ ‘Why Her?’ ต่างเป็นซีรีส์ก่อน Crash Course in Romance บอกเล่าถึงการศึกษาของเกาหลีใต้ผ่านเรื่องราวสุดแสนดราม่าในละครได้อย่างลงตัว เช่น เรื่องราวอันชุลมุนและเกินจริงใน The Penthouse ซึ่งดำเนินมาถึง 3 ซีซั่น เกิดจากความอยากเป็นที่ 1 ในวงการร้องเพลงคลาสลิกตั้งแต่รุ่นลูกสู่รุ่นปัจจุบัน จนท้ายที่สุด นำมาสู่การใช้วิธีการโดยมิชอบเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการของแต่ละคน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางซีรีส์ที่โด่งดังทั้งหมด ‘SKY Castle’ กลับเป็นหนึ่งในภาพจำสุดคลาสลิกของคอซีรีส์เกาหลีถึงการเล่าเรื่องอันทรงพลังที่สุดผ่านการเสียดสีความเน่าเฟะของระบบการศึกษาเกาหลีใต้ ซึ่งการันตีความสำเร็จผ่านเรตติ้งสูงสุด 23.779% ทั่วประเทศ[3] และกลายเป็นซีรีส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก ‘Reborn Rich’ ที่เพิ่งทำสถิติแซงหน้าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา[4]
SKY Castle เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสามคนในครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงที่อยากเห็นลูกไปถึงจุดสูงสุดตามค่านิยมของสังคม คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยท็อป 3 อย่าง ‘มหาวิทยาลัยโซลแห่งชาติ’ (Seoul National University), ‘มหาวิทยาลัยเกาหลี’ (Korea University) และ ‘มหาวิทยาลัยยอนเซ’ (Yonsei University) ซึ่งเชื่อว่าเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จในการประกอบอาชีพตามมายาคติของสังคม เช่น เป็นหมอ ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ฯลฯ เพื่อจะไปให้ถึงฝั่งฝันที่นับว่ามีเพียง 3% เท่านั้นของประเทศ พวกเธอพยายามทำทุกอย่างให้ลูกประสบความสำเร็จ นับตั้งแต่การสร้างตารางชีวิต การจัดหาอาหารเพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อมกับการสอบ จนถึงการแสวงหาติวเตอร์ที่ดีที่สุดเพื่อเรียนกวดวิชาเสริมและสร้างความก้าวหน้าในองค์ความรู้ อย่างไรก็ตาม โศกนาฎกรรมของตัวละครเกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่ในเรื่องต่างสร้างเป้าหมายให้ลูกเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่เคยถามถึงสิ่งที่ลูกอยากเป็นเพียงซักนิด
นอกเหนือจากนั้น ซีรีส์เรื่องนี้ยังสอดแทรกประเด็นอื่น ๆ ในสังคมนับตั้งแต่ ‘ความสำคัญของครอบครัว’, ‘ความคาดหวังของลูกต่อการเป็นพ่อแม่’ ตามคติความเชื่อของเกาหลี ไปจนถึง ‘วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่’ ในครอบครัวของชาวเอเชีย เมื่อพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลเรื่องภายนอกบ้าน และมีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุด ในขณะที่แม่มีหน้าที่ดูแลครอบครัว งานบ้าน รวมถึงความเป็นอยู่ของลูก จนเมื่อมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนเป็นพ่อกลับไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับลูกและภรรยาเลย ด้วยเนื้อเรื่องที่มีความกลมกล่อมหลากหลายมิติ รวมถึงสะท้อนสังคมจริง SKY Castle จึงเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ดีที่สุดตลอดกาลถึงการบอกเล่าความเป็นจริงของสังคมเกาหลีอย่างไม่คัดค้านสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว
จากเรื่องราวในซีรีส์เกาหลีสู่สังคมจริง: ‘มายาคติของสังคมผ่านลัทธิขงจื๊อ’
บ่อเกิดของการแข่งขันที่เข้มข้นในการศึกษาเกาหลี
บ่อเกิดของการแข่งขันที่เข้มข้นในการศึกษาเกาหลี
ขงจื๊อ
แผนผังระบบชนชั้นทั้ง 4 ไล่ไปจากชนชั้นสูง (ยังบัน)
สู่กลุ่มชนชั้นล่างหรือกลุ่มทาส (โนบี)
ซองกยุนควานในปัจจุบัน
ความสำคัญของระบบการศึกษาจากแนวคิดขงจื๊อถูกทำให้เข้มข้นมากขึ้นผ่านนโยบายของรัฐบาลภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติช่วง 1960-1970 ท่ามกลางการพยายามให้ความสำคัญต่อทรัพยากรมนุษย์ กล่าวคือ หากมนุษย์ได้รับการศึกษาที่ดี เกาหลีใต้จะพัฒนาและดียิ่งขึ้น โดยพัค จอง-ฮี อดีตประธานาธิบดีริเริ่มนโยบายของเขาด้วยโครงการ ‘เซมาอึล อุนดง’ (새마을 운동) โดยมีหัวใจสำคัญ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ รวมไปถึงการส่งเสริมคุณภาพทางการศึกษาของเยาวชน
พัคจองฮี อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการ
และพ่อของอดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรก พัคกึนฮเย
โครงการเซมาอึล อุนดง
โปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อโครงการ
เหตุการณ์สะท้อนความจริงจังของคนเกาหลีใต้ต่อการศึกษาได้ดีที่สุดคงไม่พ้น ‘เทศกาลแห่งการสอบซูนึง’ ไม่เพียงแต่ความมุ่งมั่นของนักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองที่เตรียมความพร้อมล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหลายปีด้วยการทบทวนความรู้จนไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ การค้นหาสถาบันกวดวิชาพิเศษในราคาอันแสนแพงเพื่อเรียนล่วงหน้าและได้ความรู้ลึกซึ้งกว่าในห้องเรียน ผู้คนทั้งประเทศต่างก็พร้อมใจอยู่ในความเงียบเพื่อสมาธิของผู้เข้าสอบ โดยสะท้อนผ่านภาพของร้านค้าที่หยุดทำการหนึ่งวัน ธนาคารปิด ตลาดหุ้นเปิดทำการช้ากว่าปกติ ไปจนถึงการขนส่ง การบินถูกจำกัด หรือแม้กระทั่งการฝึกทางทหารยังถูกระงับ ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าการสอบซูนึงมีความสำคัญในฐานะ ‘สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิต’ ของเยาวชนเกาหลีในภายภาคหน้า เมื่อพวกเขาต้องถูกประเมินความสามารถและชนชั้นทางสังคมผ่านมหาวิทยาลัยที่เรียนจบมาด้วยปริญญาเพียงหนึ่งใบ เรื่องราวอันแสนเศร้าเกิดขึ้นตามมา มีเพียงผู้คน 3% จากประชากรทั้งหมดเท่านั้นที่สามารถปีนไปสู่หอคอยแห่งความสำเร็จ แต่อีกหลายคนถูกทิ้งไว้ข้างหลังและโดนตราหน้าจากสังคมในฐานะ ‘คนล้มเหลว’ ท้ายที่สุด เยาวชนหลายคนเลือกจบชีวิตเพื่อตัดขาดจากระบบที่ไร้ทางออกภายใต้ความกดดันรอบด้านนั่นเอง[9]
[1] https://entertainment.trueid.net/synopsis/BRMOKmLz7eJV
[2] https://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200517000272
[3] https://asianwiki.com/SKY_Castle
[4] https://www.soompi.com/article/1559149wpp/reborn-rich-overtakes-sky-castle-to-become-2nd-highest-rated-drama-in-cable-tv-history
[5] https://10wontips.blogspot.com/2021/11/whats-considered-cheating-on-suneung-11.html
[6] ฬุรีย์ ฐิติวโรดม, “ทัศนะของชาวเกาหลีที่มีต่อการศึกษาและการพัฒนาประเทศ,” (สาขาวิชาเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร,
2555)
[7] Ibid.
[8] Ibid.
[9] https://www.minnetonkabreezes.com/top-stories/2020/12/22/academic-intensity-in-korea-how-suneung-affects-students-lives/
แสดงความคิดเห็น