[รีวิวซีรีส์] Crash Course in Romance มิตรภาพ ครอบครัว และการแข่งขัน


Crash Course in Romance ซีรีส์ที่ไม่ได้เล่าแค่ความรักของคนสองคน เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะคอยโอบกอดผู้ชมทุกช่วงวัยที่ต้องพบกับเจ็บความเจ็บปวดในชีวิต ในระหว่างทางก็มีเรื่องราวโรแมนติกมาสร้างสีสันด้วยเสมอ และตัวละครเหล่านี้จะเติบโตไปพร้อมกับทุกคน


          เนื้อเรื่องเล่าถึงการพบกับระหว่าง นัมแฮงซอน(จอนโดยอน) อดีตนักกีฬาทีมชาติที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของร้านเครื่องเคียงและ ชเวชียอล(จองคยองโฮ) ติวเตอร์คณิตศาสตร์ชื่อดังที่มั่นใจในตัวเองสุดขีด เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ทำให้เกลียดแรกพบกลายเป็นความเข้าใจของคนสองคน รวมไปถึงปัญหาต่างๆ ในครอบครัว ความไม่เข้าใจกัน แต่เพราะความเข้าใจจึงทำให้แก้ไขความหม่นหมองให้คลายลงได้

ตัวอย่างซีรีส์


“ครอบครัว”

          เนื้อเรื่องจะเน้นเล่าไปถึงความสัมพันธ์ของทั้งสามคน นัมแฮงซอน(จอนโดยอน) นัมแจอู(โออึยชิก) และนัมแฮอี(โนยุนซอ) แล้วค่อยแตกแขนงไปเล่าความสัมพันธ์ของแต่ละคนอีกที ตัวละครสามตัวนี้ทำให้เราเห็นว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องจำกัดว่ามีพ่อแม่เท่านั้น แต่ครอบครัวคือการที่มีคนซัพพอร์ต ให้กำลังใจ และพร้อมจะเข้าใจในวันที่คนทั้งโลกหันหลังให้เรา นัมแฮงซอนเองก็ทำให้ใครหลายคนได้เห็นว่าถึงแม้ตนจะไม่ได้เป็นแม่แท้ๆ แต่ความรัก ความผูกพัน มันสามารถทำให้เรายอมที่จะเสียสละเพื่อคนที่เรารักได้ และนัมแจอูเองถึงแม้จะป่วยเหมือนคนที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ถ้าได้เห็นตอนที่แฮอีเข้าโรงพยาบาล แจอูก็ยังโทษตัวเองที่ทำอะไรเพื่อหลานไม่ได้ทั้งที่ตัวเองรักหลานมากพอๆ กับแฮงซอน ไม่ว่ากี่ครั้งที่ทั้งสามคนนี้จะโกรธหรือน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เพราะว่าความรักของทั้งสองคนนี้เลยทำให้แฮอีไม่ได้รู้สึกขาดหรือเกินไปเลย


“ความสบายใจในความสัมพันธ์”

          เมื่อเรากลายเป็นผู้ใหญ่ ความโหยหาในความรักใคร่อาจจะลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราเองไม่ต้องการความโรแมนติกเลย เพราะเราเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความโรแมนติกเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีและความรู้สึกดีนั้นก็นำมาสู่ความสบายใจที่ไม่ต้องคิดมากนั่นเอง ชเวชียอล(จองคยองโฮ) กับ นัมแฮงซอน(จอนโดยอน) แรกเริ่มทั้งคู่ก็คือความหนักใจของกันและกันเพราะสถานการณ์ที่วุ่นวายทำให้พวกเขาได้มาพบกัน แต่พอทั้งคู่ได้ลองปรับตัวก็เริ่มเห็นข้อดีของกันและกัน ชเวชียอลยอมลดอีโก้ของตัวเองลง ในขณะที่นัมแฮงซอนก็ยอมลดอคติลงเพื่อเข้าหา คอยเป็นกำลังใจและเข้าใจกันเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อาจจะไม่ได้โรแมนติกแบบวัยรุ่นแต่บางทีการที่คนคนหนึ่งเข้ามาเป็นความสบายใจให้เรา มันทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อได้ สิ่งนั้นมันก็ถือเป็นความโรแมนติกเช่นเดียวกัน


“ไม่ว่าวัยไหนก็มีความโรแมนติกได้เหมือนกัน”

          อายุ ของนางเอก กลายเป็นสิ่งที่คนไทยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักมากว่าแก่เกินไปหรือเปล่า วัยแบบนี้ไม่เหมาะกับความโรแมนติกเลย ผู้คนเหล่านี้ไม่เคยย้อนกลับไปมองตนเองว่าที่ผ่านมาเลือกเสพสื่อแนวไหน และผู้คนเหล่านั้นก็ไม่ได้อยู่ในช่วงวัยและสถานการณ์เดียวกันกับตัวละคร แต่ถ้าให้พูดง่ายๆ มันไม่มีใครที่ไม่แก่ ไม่มีใครที่ไม่อายุมากขึ้น ทำไมคุณถึงอินกับพระเอกนางเอกหนุ่มสาวในซีรีส์ แต่พอเป็นความรักของผู้ใหญ่คุณถึงไม่โอเค? ทั้งที่มันก็ไม่ได้ต่างกันเลย ไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ทุกคนสมควรได้รับความรักที่มีแต่ความสบายใจ ความสุข ไม่ว่าความรักนั้นจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนก็ตาม ในฐานะคนนอกสิ่งที่เราสามารถทำได้คือสนับสนุนถ้าความรักของพวกเขาถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี



“เมื่อการศึกษาคือการเดิมพัน”

          พาร์ทของ นัมแฮอี(โนยุนซอ) นอกจากจะนำเสนอถึงด้านครอบครัวแล้วนั้น ยังสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะประเทศไทยที่สามารถเห็นภาพได้ชัดและกว้างกว่า นัมแฮงซอนเองก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ชนชั้นแรงงานในประเทศไทยที่ต้องหาเช้ากินค่ำเพื่อส่งลูกเรียน ตอนที่นัมแฮอีขอร้องแม่ว่าอยากเรียนพิเศษเหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง ตัวเราเองก็เข้าใจเพราะอยู่ในจุดที่ครอบครัวไม่ได้มีกำลังซัพพอร์ตเรามากพอ แต่การสอบเข้ามหาลัยมันก็เหมือนตัวกำหนดเส้นทางชีวิตเราในวันต่อ ไป หากเราพลาดก็กลายเป็นเราเองที่เดินช้ากว่าเพื่อนอีกเป็นหมื่นเป็นแสนคนไปหนึ่งก้าว สิ่งที่แฮอีทำได้คือการนำโอกาสที่มีไปจดจ่อและพยายามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

          และในตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์คงเป็นช่วงที่ dek66 อยู่ในช่วงเตรียมสอบเข้ามหาลัยพอดี ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนให้ได้มหาลัยที่ชอบ คณะที่ใช่ เติบโตไปพร้อมกับนัมแฮอี และมีความสุขกับชีวิตในรั้วมหาลัยนะคะ

          ส่วนใครที่อยากรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ สามาระลถรับชมได้ทาง Netflix เลยค่ะ รับรองว่าใครอยากดูซีรีส์ฟีลกู๊ดก็ตอบโจทย์มากๆ เชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้นอกจากจะให้ความสนุกแล้วยังให้ข้อคิดได้เยอะทีเดียวค่ะ^^

0/แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า