*อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนในเรื่อง*
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องรู้จักซีรีส์ชื่อดังเรตติ้งพุ่งทะยานไปจนถึง 23.8% อย่าง SKY Castle แน่นอน เนื่องจากเป็นซีรีส์ที่เจาะลึกถึงระบบการศึกษาของเกาหลีได้อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะในมุมมองของเด็กหรือผู้ปกครอง และมีความ Mystery เข้ามาผสมให้รสชาติของซีรีส์เรื่องนี้ได้มีอรรถรสยิ่งขึ้น จนผู้ชมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้อง 'กำพารา' ตอนดูกันเลยทีเดียว แต่เมื่อได้ลองวิเคราะห์หลังจากดูจบแล้วก็พบว่า สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังเล่าไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาระบบการศึกษาของเกาหลีใต้เพียงเท่านั้น แต่หลายๆ เหตุการณ์ที่ตัวละครต้องพบเจอยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาระบบการศึกษาในประเทศไทยบ้านเราเช่นเดียวกัน
"การแข่งขันสอบเข้ามหาลัยแม้ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตอีกขั้น"
เนื่องจากตัวซีรีส์เรื่องนี้จะเน้นเล่าไปถึง เยซอ นักเรียนชั้นม.6 ที่มีจุดมุ่งหมายว่าจะต้องสอบเข้าคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Seoul National University ให้ได้นั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงมหาวิทยาลัยโซลก็ยังคงเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัย Top 3 ของเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายคณะแพทย์ ม.โซล นั้นไม่ใช่เป้าหมายจริงๆ ของตนเสียทีเดียว แต่เพียงเพราะว่าเธออยากเป็นเหมือน พัคยองแจ พี่ชายผู้เป็นเพื่อนบ้านของเธอที่มีเบื้องหลังอันเลวร้ายกับครอบครัว อีกทั้งพ่อของเยซอเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงกับแม่ผู้เป็นไฮโซอีโก้สูงที่พร้อมทิ้งทุกอย่างในชีวิตมาเป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกและสามีอย่างเต็มตัว ซึ่งคนเหล่านี้จะจัดอยู่ในกลุ่ม 1% ของประเทศเกาหลีเปรียบเสมือนชนชั้นไฮโซในบ้านเรา ดังนั้นการที่เยซอสอบติดคณะแพทย์คือการสร้างภาพลักษณ์ให้ตระกูล และทำให้พ่อกับแม่ไม่ต้องอายใคร
ครอบครัวของคังเยซอ ประกอบไปด้วย คังจุนซัง(พ่อ) ฮันซอจิน(แม่) และเยบิน(น้องสาว)
ซึ่งผู้ปกครองในประเทศไทยหลายคนยังคงยึดติดอยู่กับชุดความคิดเดียวกันกับพ่อและแม่ของเยซอ การผลักดันให้ลูกเรียนเพื่อที่จะไปสอบหมอ วิศวะ ครู เนื่องจากเหตุผลที่ว่า “จบมาจะได้มีงานทำ” “เงินดี” “อาชีพมั่นคง” ซึ่งผู้คนที่ครอบครัวไม่ได้อยู่ในชนชั้นกลางมีโอกาสน้อยมากที่จะสามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ในประเทศนี้ เพราะปัญหาค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในแต่ละวันมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นอยู่เสมอ มันเลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่านอกจากเราจะต้องเลือกคณะและมหาลัยที่เราจะเรียนแล้ว จะต้องมีความคิดอาชีพการใช้ชีวิตหลังเรียนจบพ่วงมาด้วยเสมอ หากพูดกันตามตรงในประเทศนี้ถ้าไม่ได้เป็นคนที่มีเงิน ก็แทบจะไม่มีโอกาสลอยเข้ามาหาให้ได้คว้าไว้เลย คือคุณมีสิทธิ์ฝันได้นะ แต่จะวิ่งตามมันได้ไหมนั่นก็อยู่ที่ตัวคุณแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากมีการสนับสนุนในทุกสายงานจากภาครัฐที่ดี
นอกจากนั้นการแข่งขันการสอบเข้ามหาลัยยังเป็นอีกหนึ่งที่ดุเดือดทุกปี พอเริ่มขึ้นม.6 เด็กเหล่านั้นจะต้องเริ่มอ่านหนังสือกันอย่างจริงจัง หากมีแรงสนับสนุนมากพอผู้ปกครองเหล่านั้นจะส่งเด็กๆ ไปเรียนกวดวิชา เรียนพิเศษ ซื้อคอร์สเรียน ในช่วงนี้เด็กจะมีความรู้สึกละเอียดละอ่อนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้กับความกดดันจากคนรอบข้างและครอบครัว หากใครเคยดูจะเห็นได้ในฉากหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ว่าเยซอเอาตัวเองเขาไปหมกอยู่ในห้องสำหรับอ่านหนังสือไม้แคบๆ ที่เรียกว่า ‘스터디 큐브’ (Study Cube) ในห้องนอนของตัวเองแล้วจับเวลาอ่านหนังสือโดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มีเพียงกระดาษโพสต์อิทแปะรอบๆ กับโต๊ะเก้าอี้ และไฟเล็กๆ ที่ส่องสว่างให้เห็นตัวหนังสือเท่านั้น เหมือนเป็นการขังตัวเองไว้หักโหมหากรู้สึกว่าตัวเองยังพยายามไม่มากพอ และสิ่งเหล่านั้นจะนำมาสู่การจัดการชีวิตที่ไม่บาลานซ์ไปจนถึงเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายตัวคังเยซอเองก็ตัดสินใจที่จะปล่อยวางทุกอย่างและเตรียมตัวสอบใหม่อีกครั้งในปีถัดไป หรือที่เรียกว่า “การซิ่ว” นั่นเอง
ตัวอย่างของ study cube
ด้านซีรีส์ทางการแพทย์อย่าง Dr. Park's Clinic เองก็เคยได้เล่าส่วนหนึ่งของปัญหาต่างๆ ในช่วงการอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยผ่านตัวละครของ พัคมินกู ลูกชายคนโตของหมอพัคไว้เช่นกัน ซึ่งเขาเอาตัวเอาไปขังไว้ใน Study Cube จนไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ เมื่อคนเรามีความเครียดและความกดดันสะสมจนกิดเป็นความไม่มั่นใจในตนเอง ทำให้เราพร้อมจะสรรหาทุกวิถีทางแม้กระทั่งความเชื่อแบบผิดๆ เพื่อซื้อความสบายใจ (สามารถรับชมซับไทยได้ทาง Bilibili)
"ระบบการศึกษา สร้างโอกาส หรือ ตัดโอกาส"
ในอีกส่วนหนึ่งพาร์ทของ คิมฮเยนา ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของการศึกษาจากคนที่ต้นทุนชีวิตไม่ได้สูงทั้งยังมีแม่ที่ป่วยต้องดูแล เธอมีเพียงความทะเยอทะยานและความฉลาดเป็นต้นทุน สุดท้ายจึงทำให้จับพลัดจับผลูมาเป็นติวเตอร์ของ คังเยบิน ผู้เป็นน้องสาวของคังเยซอ โดยส่วนนี้จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมครั้งที่สองใน Sky Castle อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือผู้คนชนชั้นอย่างฮเยนาต้องดิ้นรนมากกว่าเยซอหลายเท่า และการสอบเข้ามหาลัยที่เสมือนกับตัวตัดสินชะตาชีวิตของตน หากสอบติดก็ต้องหางานทำเลี้ยงตัวเอง หากไม่ติดก็มีทางเลือกเดียวคือทำงาน
พอย้อนกลับมามองถึงไทยบ้านเราเองก็มีปัญหาเหล่านี้เช่นเดียวกัน ในปีล่าสุด 2566 ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการสอบใหม่ และจำนวนเด็กหลุดจากอันดับรอบ Admission จำนวนหลายหมื่นคนและเป็นจำนวนที่มากขึ้นกว่าปี 2565 เนื่องด้วยสาเหตุที่มาจากคะแนนที่เฟ้อเกินไปของผู้เข้าสอบ จึงส่งผลให้มีเด็กไม่มีที่เรียนเป็นจำนวนมาก แม้แต่บางคณะที่ไม่เคยคาดคิดว่ามีการแข่งขันสูงกลับกลายเป็นคณะยอดฮิตโดยปริยาย เพราะด้วยความคาดไม่ถึงของผู้สมัคร จำนวนการรับสมัครรอบ 3 ที่ลดลง บางครอบครัวที่ไม่ได้มีกำลังทรัพย์มากพอจะสนับสนุนเด็กๆ ก็ต้องตัดใจ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการยื่นสมัครต่างๆ ต้องหมดไปเยอะมาก เด็กหลายๆ คนตัดสินใจซิ่วเพื่อเตรียมตัวสอบใหม่อีกครั้งในปี 2567 จึงทำให้เกิดความกังวลต่อเด็กม.6 รุ่นต่อไปในเรื่องของการเตรียมตัวการแข่งขันเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย สาเหตุเหล่านี้จึงสร้างความ Trauma ให้กับกลุ่มคนในช่วงอายุ 18 ปีอย่างมาก เหมือนระบบการศึกษากำลังบีบคนชนชั้นรากหญ้าให้ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่มันควรเป็นสิทธิที่ทุกคนควรจะได้รับโอกาสเท่ากันทุกคน
SKY ที่เป็นมากกว่า Castle
ถึงแม้ว่า SKY Castle จะเป็นชื่อที่มาจากหมู่บ้านหนึ่งในซีรีส์เรื่องนี้ แต่งก็ยังแฝงไปด้วยความหมายที่ส่งผลให้สอดคล้องต่อเป้าหมายของตัวละคร และ Fact ในประเทศเกาหลีใต้ 'SKY' นั้นมาจากพยัญชนะข้างหน้าสุดของ 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Seoul National University, Korea University และ Yonsei University ทั้งสามแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ทั้งยังมีการแข่งขันอย่างดุเดือดทุกปี เด็กม.6หลายๆ คนที่มีความใฝ่ฝันที่จะได้เรียนหนึ่งในสามแห่งนี้ ต้องเผชิญกับการอ่านหนังสือที่หนักหน่วง การเรียนพิเศษจนดึกดื่นแทบทุกวัน อย่างไรก็ตามไม่ว่ามหาวิทยาลัยไหนในเกาหลีใต้ก็มีการแข่งขันสูงกันหมดทั้งนั้น เพราะหลายๆ แห่งเองก็เป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงพอสมควร
หากใครสนใจรับชมซีรีส์สุดเข้มข้นอย่าง SKY Castle สามารถรับชมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix รับประกันว่าถ้าได้ชมแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ช่วงนี้ขอมาแนวการเขียนบทความเชิงวิพากษ์กันบ้าง ห่างหายจากการรีวิวซีรีส์ไปเยอะเลยเพราะยังไม่เจอเรื่องที่ตรงใจ แต่สัญญาว่าถ้าเจอเรื่องไหนประทับใจมากๆจะมาแบ่งปันความประทับใจให้ผู้อ่านทุกคนอีกครั้งแน่นอนค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ด้วยนะคะ^^
แสดงความคิดเห็น